นอกจากพ.ร.บ. หรือพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถซึ่งเป็นสิ่งที่กฎหมาย บังคับให้ต้องมีแล้ว การประกันภัยรถยนต์ก็มีความสำคัญเช่นกันซึ่งผู้ขับขี่ควรมีไว้เพื่อความอุ่น ใจตลอดการเดินทาง
สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ก่อนซื้อประกันภัยคือราคาเบี้ยประกันที่จะมีความแตกต่างกันตามรายละเอียดและ การคุ้มครอง เราขอนำเสนอข้อควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อประกันภัยเพื่อป้องกันถาวะ “กระเป๋าฉีก”
1. เลือกประเภทประกันภัย
การประกันภัยแบ่งออกเป็นหลายประเภท หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 รวมถึงชั้น 2 พลัส และ 3 พลัส การคุ้มครองจะแตกต่างกันซึ่งจะแปรผันไปกับราคาเบี้ยประกันด้วย ยิ่งคุ้มครองมาก เบี้ยประกันยิ่งสูงขึ้นตาม ควรพิจารณาเลือกการคุ้มครองให้เหมาะสมซึ่งจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้มาก ทีเดียว
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองมากที่สุดต่อผู้เอาประกันภัยและบุคคลภายนอก รวมถึงตัวรถยนต์และทรัพย์สินไม่ว่่าจะเกิดการชน สูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม มีวงเงินประกันตัวผู้ขับขี่ อีกทั้งยังรับผิดชอบต่อชีวิตร่างกายและรถยนต์ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยไม่คำนึงว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำผิด
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 จะคล้ายกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งมีความแตกต่างกันตรงที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีรถยนต์ของผู้เอาประกัน สูญหายและไฟไหม้เท่านั้น ไม่รวมกรณีเฉี่ยวชนและน้ำท่วม แต่และประเภท
ประกันภัยรถยนต์ชั้น3 ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ให้ความคุ้มครองต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของ บุคคลภายนอกในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ส่วนรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยนั้นมิได้รับความคุ้มครองใดๆ แต่ก็ยังคุ้มครองตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถยนต์คันที่เอาประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ (2 พลัส) แบบคุ้มครองเฉพาะภัย แผนประกันภัยประเภทนี้ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับแผนประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นอกจากให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดไฟไหม้ สูญหายแล้วยังรับผิดชอบต่อความเสียหายของตัวรถยนต์ในกรณีชนกับยานพาหนะทางบก ซึ่งบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบต่อความเสียหายของตัวรถยนต์และทรัพย์สินทั้ง ผู้เอาประกันภัยและบุคคลภายนอก รวมถึงความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของผู้เอาประกันภัยในที่นี้หมายถึงผู้ขับขี่ ผู้โดยสารที่อยู่ในรถยนต์และบุคคลภายนอก
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ (3 พลัส) แผนประกันราคาย่อมเยา นี้ให้ความคุ้มครองต่อรถยนต์และทรัพย์สินในกรณีเกิด อุบัติเหตุชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น โดยทางบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์และ ทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยและคู่กรณี โดยให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยทั้งบุคคลภายนอก ผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่อยู่ในรถยนต์คันที่เอาประกันภัย ซึ่งมีความแตกต่างจากประกันภัยชั้น 3 ที่รับผิดชอบเฉพาะรถยนต์และทรัพย์สินของบุคคลภายยนอกเท่านั้น
2. ทุนประกันภัย
ทุนประกันภัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเบี้ยประกันในแต่ละปี ยิ่งทุนประกันภัยสูง เบี้ยประกันก็จะสูงตาม ทุนประกันยังแบ่งออกเป็นความเสียหายต่อตัวรถ การรับผิดชอบบุคคลภายนอก รวมถึงคุ้มครองบุคคลภายในรถ ควรเลือกตามความเหมาะสมและสไตล์การใช้รถ
3. ประวัติการขับขี่
ควรขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุโดยที่เราเป็นฝ่ายผิด เพราะถ้าไม่มีการเคลมประกัน การซื้อประกันในปีถัดไปก็จะมีส่วนลดเบี้ยประกันลงในแต่ละปีด้วย ขับรถด้วยความรอบคอบทำให้รถของเราดูใหม่อยู่เสมอแถมยังมีค่าใช้จ่ายลดลง
4. บริษัทประกัน
ควรเปรียบเทียบบริษัทรับประกันภัยหลายๆ ที่ พร้อมกับปรึกษาจากคนใกล้ตัวหรือเพื่อนที่ซื้อประกันจากหลายบริษัทเพื่อสอบ ถามประสบการณ์การเคลมว่ายากง่ายเพียงใด ข้อมูลราคาเบี้ยประกันยังสามารถค้นหาได้ในหลายเวบไซต์
สามารถตรวจสอบได้ ต่อไปนี้
1. หากว่าเกิดอุบัติเหตุ ผู้เอาประกันภัย สะดวก หรือต้องการเข้าซ่อมศูนย์บริการ หรืออู่ไหนที่มากสุด (ต้องหาข้อมูลนี้ก่อน)
2. สอบถามในศูนย์บริการ หรืออู่ (ตามข้อ 1) เขารับบริษัทประกันภัยที่ไหนบ้าง อยากได้บริษัทประภัยที่ใดเป็นพิเศษหรือไม่
3. ตรวจสอบชื่อเสียงบริษัทที่เลือกมา หรือได้มาจากอู่ หรือศูนย์บริการ (ถามอาก*๋google หรือเพื่อนในนี้ก็ได้ครับ) ให้เหลือสัก 2-3 ที่
5. ค่าเสียหายส่วนแรก
ยิ่งค่าเสียหายส่วนแรกมีราคาแพงมากเท่าใด เบี้ยประกันจะยิ่งถูกลง ค่าเสียหายส่วนแรกคือส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมตัวรถที่เจ้าของรถ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลังจากเกิดอุบัติเหตุและเป็นฝ่ายผิด
6. ซื้อประกันแบบระบุชื่อผู้ขับ
สำหรับคนที่ใช้รถคนเดียวเป็นประจำหรือเกือบทุกวัน ควรเลือกซื้อประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่เพราะจะมีราคาเบี้ยประกันถูกกว่า ประกันแบบไม่ระบุชื่อผู้ขับ
ที่มา: http://www.autospinn.com/, imoneythailand.com/,civicclubthailand.com,tlcthai.com